เศรษฐีแห่ย้ายทองไปเก็บสิงคโปร์
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า กลุ่มมหาเศรษฐีทั่วโลกกำลังเร่งเคลื่อนย้ายทองคำของตนไปเก็บรักษาในต่างประเทศมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ปั่นป่วนตลาด โดยสิงคโปร์ กำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
Gregor Gregersen ผู้ก่อตั้ง The Reserve สถานที่เก็บทองคำและเงินแท่ง มูลค่ารวมราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวอาคารถูกหุ้มด้วยหินโอนิกซ์ (onyx) และมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ภายในมีทั้งห้องนิรภัยส่วนตัวและห้องเก็บกล่องนิรภัยสูงถึงสามชั้น เปิดเผยว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ คำสั่งจัดเก็บทองคำและเงินเพิ่มขึ้นถึง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ขณะที่ยอดขายทองคำและเงินแท่งพุ่งขึ้น 200% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางความวุ่นวายจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และการเทขายสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ในเดือนเมษายน โดยราคาทองคำสปอตล่าสุดอยู่ที่ 3,346.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ราคาทองจะเริ่มเย็นลงจากความหวังในข้อตกลงการค้า แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายยังเชื่อว่า ทองคำอาจพุ่งไปถึง 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้า
John Reade หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของสภาทองคำโลก (World Gold Council) กล่าวว่า “หลายคนไม่มั่นใจระบบการเงินโลก จึงเลือกถือทองผ่านบริษัทเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคาร”
Jeremy Savory ผู้ก่อตั้ง Millionaire Migrant บริษัทที่ปรึกษาด้านสัญชาติสำหรับเศรษฐี กล่าวว่า ลูกค้าในประเทศที่ไม่มั่นใจธนาคาร เช่น เลบานอน อียิปต์ และแอลจีเรีย ไม่อยากเก็บทองในธนาคารในประเทศของตนเอง
Nicky Shiels นักกลยุทธ์จากบริษัท MKS Pamp กล่าวว่า สิงคโปร์ได้รับสมญานามว่า “เจนีวาแห่งเอเชีย” ด้วยภาพลักษณ์ของประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังเป็นศูนย์กลางการขนส่ง (transit hub) ทำให้สะดวกต่อการเก็บและรับทองคำ ส่วนดูไบ แม้จะปลอดภัยและเป็น transit hub เช่นกัน แต่ Savory เสริมว่า การจัดเก็บทองในดูไบมีขั้นตอนเอกสารที่ยุ่งยากกว่า ซึ่งลูกค้าบางคนไม่ชอบ