Morning News Update 02-07-2568 ตลาดทองคำนิวยอร์ก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันอังคาร (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เผชิญกับการขาดดุลงบประมาณ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
.
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 42.10 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 3,349.80 ดอลลาร์/ออนซ์
.
วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51 ต่อ 50 ให้การอนุมัติร่างกฎหมายปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งการใช้จ่ายขนานใหญ่ที่นำเสนอโดยปธน.ทรัมป์ หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายในวันอังคาร โดยวุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก่อนที่จะส่งให้ปธน.ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันที่ 4 ก.ค.
.
นักวิเคราะห์จากบริษัท Marex กล่าวว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า อีกทั้งจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและเพิ่มภาระหนี้ให้กับรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
.
ด้านสำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ (CBO) ออกรายงานเตือนว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์
.
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การค้าโลก หลังจากปธน.ทรัมป์ยืนยันว่าเขาไม่มีแผนที่จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าหลังจากวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่เขากำหนดไว้ และรัฐบาลของเขาจะส่งจดหมายแจ้งไปยังประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษีที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บกับประเทศดังกล่าว เว้นแต่จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ
.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 120,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 139,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 4.2% ในเดือนพ.ค.