ธนาคารกลางทั่วโลกเก็บทองแซงดอลลาร์

ธนาคารกลางทั่วโลกเก็บทองแซงดอลลาร์
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996 ที่ธนาคารกลางต่างชาติถือครองทองคำมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สะท้อนกระแส “ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์” (De-Dollarization) ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ Tavi Costa นักกลยุทธ์มหภาคจาก Crescat Capital ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “การปรับสมดุลทางการเงินระดับโลกครั้งสำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน” ราคาทองคำโลกพุ่งแตะ 3,540 ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 10,000% หลังจากที่ระบบ Bretton Woods ล่มสลายเมื่อ 54 ปีก่อน ขณะที่การถือครองทองคำในฐานะทุนสำรองโดยรวมของธนาคารกลางทั่วโลก พุ่งสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ถูกใช้เป็นทุนสำรอง ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996
การถือครองเงินดอลลาร์กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง (De-Dollarization) สัดส่วนเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศสิ้นปี 2024 อยู่ที่ 57.8% ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1994 และลดลงกว่า 7% ภายในทศวรรษเดียว โดยเมื่อปี 2002 เงินดอลลาร์ยังครองสัดส่วนสูงถึง 72% ซึ่งมีเหตุผลมาจากภาวะการคลังของสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่า “ไร้วินัย” เมื่อต้นเดือนส.ค. ที่ผ่านมา หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์ และยังไม่มีสัญญาณว่าการกู้ยืมและการใช้จ่ายของรัฐบาลจะชะลอลง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งสะสมทองคำต่อเนื่อง โดยปี 2022 มีการเพิ่มทองคำสำรองสุทธิที่ 1,080 ตัน ขณะที่ปี 2023 และ 2024 ยังมีแรงซื้อจากธนาคารกลางมากกว่า 1,000 ตันต่อปี
ขณะที่นายอดัม ลาปินสกี ผู้ว่าการธนาคารกลางโปแลนด์ เปิดเผยว่า ธนาคารกลางมีเป้าหมายยกระดับสัดส่วนการถือครองทองคำเป็น 30% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ จากระดับปัจจุบันที่ 22% (515.5 ตัน) ทั้งนี้ ตามข้อมูล ณ เดือนส.ค. โปแลนด์อยู่ในอันดับที่ 13 ของโลกด้านปริมาณทองคำสำรอง ซึ่งสะท้อนทิศทางการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดการเงินระหว่างประเทศ
เดวิด วิลสัน นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas มองว่าจีนกำลังทุ่มซื้อทองคำเพื่อสะสมเข้าคลังสำรองให้ได้ถึง 5,000 ตัน โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก หากติดตามการเข้าซื้อทองคำสำรองของจีนตั้งแต่ปี 2566 จะพบว่าการเข้าซื้อสอดคล้องกับแนวโน้มราคาทองคำที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,508.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 2 ส.ค. กที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ได้วิเคราะห์แนวโน้มการซื้อทองคำสำรองของจีนในอนาคต โดยอ้างอิงจากการประมาณการของนักวิเคราะห์ ในปี 2552 โฮ่ว ฮุ่ยหมิน รองเลขาธิการสมาคมทองคำแห่งประเทศจีนในขณะนั้น เคยเสนอเป้าหมายปริมาณทองคำสำรองของประเทศไว้ที่ 5,000 ตัน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อตอบสนองต่อสถานะของจีนในเวทีระหว่างประเทศที่สูงขึ้นและวิกฤตการณ์การเงินโลกปี 2551 เดวิด วิลสัน นักวิเคราะห์จาก BNP Paribas ระบุว่า หากจีนตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ตันในปี 2552 ตัวเลขนี้อาจสูงขึ้นมากใน
ปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าความต้องการทองคำจากธนาคารกลางจีน (PBOC) จะยังคงต่อเนื่อง หากจีนยังดำเนินนโยบายกระจายความเสี่ยงและลดการถือครองดอลลาร์ในเงินสำรองของตน
หน้าหลัก ปรึกษาฟรี! คลิกที่นี่ เมนู