หลังจากที่ราคาทองคำลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดเดือน ส.ค. จากบริเวณ 1,965 ดอลลาร์/ออนซ์ ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1,886 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือลดลงประมาณ 4% จากแรงกดดันเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แต่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายได้มีการปรับตัวขึ้นมากว่า 50 ดอลลาร์แล้ว ซึ่งปัจจัยหนุนมาจากข้อมูลด้านการจ้างงานของสหรัฐฯที่น้อยกว่าคาดการณ์และลดลงอย่างต่อเนื่อง

เฟด ได้เน้นย้ำมาหลายครั้งว่ามีปัจจัยสำคัญอยู่ 2 ประการในการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้แก่ อัตราเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน เพราะเป้าหมายสูงสุดของเฟดคือการกำกับดูแลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนชาวอเมริกัน

ถึงแม้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะลดระดับเงินเฟ้อลงมาได้จริงแต่ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะต้นทุนในการประกอบธุรกิจสูงขึ้น จนตัวเลขการจ้างงานลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

นักลงทุนจึงเริ่มเข้าสะสมทองคำอีกครั้งเพราะมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าเฟดอาจยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ขึ้นเลยในการประชุมปลายเดือน ก.ย. นี้ ทองคำจึงยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อไปได้จนกว่าจะได้รู้ข้อสรุปของเฟดว่าจะมีนโยบายต่อไปอย่างไร